กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Method) ถือเป็นกระบวนการสำคัญที่ช่วยทุกคนเรียนรู้และแก้ปัญหาต่างๆได้อย่างเป็นขั้นเป็นตอนจนพบคำตอบหรือข้อสรุป สรุปเป็นผังง่ายๆดังนี้
ขั้นตอนของกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
(ที่มา : http://cai.md.chula.ac.th/lesson/research/re12.htm#02)
วิธีการทางวิทยาศาสตร์ (scientific method)
1. ขั้นสังเกตเพื่อระบุปัญหา คือการระบุปัญหา หรือสิ่งที่ต้องการศึกษา และกำหนด ขอบเขตของปัญหา
2. ขั้นตั้งสมมติฐาน คือการคิดคำตอบที่คาดหวังว่าควรจะเป็น หรือการคาดเดาคำตอบ ที่จะได้รับ
3. ขั้นการรวบรวมข้อมูล คือการรวบรวมข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อตรวจสอบ สมมติฐานที่ตั้งไว้ว่าถูกหรือผิด โดยมีหลักฐานยืนยัน อาจทำได้โดยการสังเกต หรือการทดลอง
4. ขั้นสรุปผล คือการสรุปว่าจะปฏิเสธ หรือยอมรับสมมติฐาน ตามหลักเหตุและผล เพื่อให้ได้คำตอบของปัญหา
ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ประกอบไปด้วย 5 ส่วน ดังนี้
ข้อที่ 1. กรอบแนวคิด เป็นปรัชญาที่ชี้แนะแนวทางการดำรงอยู่ และปฏิบัติตนในทางที่ควรจะเป็น โดยมีพื้นฐานมาจากวิถีชีวิตดั้งเดิมของสังคมไทย สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และเป็นการมองโลกเชิงระบบที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มุ่งเน้นการรอดพ้นจากภัย และวิกฤต เพื่อความมั่นคง และความยั่งยืนของการพัฒนา
ข้อที่ 2. คุณลักษณะ เศรษฐกิจพอเพียง สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการปฏิบัติตนได้ในทุกระดับ โดยเน้นการปฏิบัติบนทางสายกลาง และการพัฒนาอย่างเป็นขั้นตอน
ข้อที่ 3. คำนิยาม ความพอเพียงจะต้องประกอบด้วย 3 คุณลักษณะ ดังนี้
- ความพอประมาณ หมายถึง ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไป และไม่มากเกินไปโดยไม่เบียดเบียนตนเอง และผู้อื่น เช่นการผลติ และการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ
- ความมีเหตุผล หมายถึง การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับของความพอเพียงนั้น จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้องตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ
- การมีภูมิคุ้มกันที่ดีในตัว หมายถึง การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบ และการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นโดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งใกล้ และไกล
ข้อที่ 4. เงื่อนไข การตัดสินใจและการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ให้อยู่ในระดับพอเพียงนั้น ต้องอาศัยทั้งความรู้ และคุณธรรมเป็นพื้นฐาน 2 เงื่อนไข ดังนี้
- เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วย ความรอบรู้เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผน และความระมัดระวังในขั้นปฏิบัติ
- เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริต และมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต
ข้อที่ 5. แนวทางปฏิบัติ / ผลที่คาดว่าจะได้รับ จากการนำปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ คือ การพัฒนาที่สมดุล และยั่งยืน พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงในทุกด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม ความรู้ และเทคโนโลยี
นั่นคือ หลักแนวคิด และแนวทางเพื่อการปฏิบัติ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นบุคคล หรือองค์กรต่างๆ สามารถปฏิบัติตามได้
โครงงงานชีววิทยาบูรณาการหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
ผู้ศึกษาหรือนักเรียนจำเป็นต้องนำกรอบของความรู้ความเข้าใจทั้งกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และกรอบความคิดของปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นกรอบวิธีในการศึกษา นอกจากนักเรียนจะต้องมีจิตวิทยาศาสตร์แล้ว นักเรียนจะต้องมีความรู้ในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงอย่างถ่องแท้ การทำโครงงานตามหัวข้อหลักเหล่านี้ ให้นักเรียนไปหัดตั้งคำถามจากหัวข้อหลักแล้วจะได้คำถามออกมาหลายคำถามมากมาย เลือกคำถามที่ออกนอกกรอบ สร้างสรรค์ ภายใต้การค้นคว้าหาข้อมูลอย่างรอบคอบ โดยใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นเสมือนกรอบแนวทาง ให้เราสามารถนำไปใช้หรือนำผลของการทำโครงงานไปเผยแพร่ในวงกว้างได้ การจะทำโครงงานให้สำเร็จและบังเกิดผลดี หากขาดเศรษฐกิจพอเพียง ก็จะทำให้งานนั้นเสร็จได้ยาก อนึ่งการศึกษาทางด้านชีววิทยาเป็นการศึกษาความรู้ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิต ซึ่งนักเรียนจะต้องใช้ทักษะกระบวนการต่างๆ ในการทำโครงงานจนเกิดความรู้ใหม่ที่เป็นประโยชน์ ผู้สอนคาดหวังว่านักเรียนจะเข้าใจชีววิทยา จากกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ และมีกรอบของปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ที่สามารถทำให้นักเรียนนำไปใช้ได้และอยู่รอดในสังคมอย่างงปรกติสุข โดยหัวข้อโครงงานหลักแบ่งเป็น 10 หัวข้อตามแผนภาพด้านล่างนี้
แนวทางการทำโครงงานชีววิทยาตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง
1. นักเรียนลองตั้งปัญหา….เป็นอันดับแรก อาจตั้งหลายๆปัญหาก็ได้ ปัญหานั้นขอให้ตั้งในเชิงสร้างสรรค์ ถ้าเป็นปัญหาที่รู้คำตอบแล้วก็ไม่ต้องตั้ง เช่น ถั่วงอกที่เพาะโดยไม่ให้โดนแสงจะมีการผลิตใบสีเขียวได้น้อยหรือไม่มีสีเขียว เป็นต้น (แบบนี้ไม่ควรตั้งคำถามเพราะเรารู้คำตอบอยู่แล้ว)
2. นักเรียนศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อตอบคำถามในข้อ 1 ถ้าตอบได้ ให้ตั้งคำถามใหม่……..
3. ได้คำถามที่น่าสนใจจากข้อ 2 และเมื่อหาข้อมูลเพิ่มก็ยังไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้
4. นำคำถามมาระบุตัวแปรทั้ง 3 ตัวแปรต้น ตัวแปรตาม ตัวแปรควบคุม พร้อมระบุสมมติฐาน
5. ออกแบบการทดลอง ….ขณะที่ออกแบบการทดลองก็ให้หาข้อมูลเพิ่มเติมถึงวิธีการทดลอง เทคนิควิธีที่จะใช้ วัสดุอุปกรณ์ และตารางบันทึกผลการทดลอง อย่าลืมถ่ายรูป จำไว้ว่าเวลามันผ่านไปเราย้อนกลับมาถ่ายรูปทีหลังไม่ได้….. ถ่ายไปจะใช้ไม่ใช้เราค่อยมาเลือก เวลาถ่ายรูปเขียนป้ายข้อมูลให้ชัดเจน วันเวลาที่ถ่าย เพื่อจะได้ไม่นำรูปที่ผิดวันเวลามาใช้ประกอบในรูปเล่มรายงาน
6. ทำการทดลอง และเก็บผลการทดลอง ควรมีความรัดกุม ในการชั่ง ตวง วัด ไม่ใช้การกะประมาณ เช่นเวลาตวงสารที่เป็นของเหลวควรใช้กระบอกตวงมีหน่าวเป็นมิลลิลิตร ไม่ใช่เอาไปชั่งเป็นและมีหน่วยเป็นกรัม เป็นต้น การจดบันทึกต้องมีความยุติธรรม ห้ามมีความลำเอียงในความคิดของตัวเองเด็ดขาด บันทึกผลการทดลองต้องให้ถูกวิธี ถูกเวลา และถูกตัวแปร ข้อมูลที่เก็บไปต้องสามารถนำไปใช้ตอบสมมติฐานได้ว่าสมมติฐานที่ตั้งงไว้เป็นจริงหรือไม่ โดยผลการทดลองอาจแสดงเป็นกราฟหรือตาราง แล้วให้นำข้อมูลที่เป็นข้อมูลดิบอาจใส่ไว้ในภาคผนวก
7. สรุปผลการทดลอง ควรสรุปว่าผลการทดลองนั้นทำให้สมมติฐานเป็นจริงหรือไม่ โดยไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ให้เราเอาความรู้จากเอกสารที่หามา หรืองานวิจัยข้างเคียงหรือที่เกี่ยวข้องยกมาอ้างด้วย เพื่อทำให้การสรุปผลการทดลองของเรามีความน่าเชื่อถือ ไม่ใช่ยกคำพูดมาลอยๆ
8. การนำไปเผยแพร่ โครงงานทุกโครงงานถือเป็นโครงงานที่เป็นประโยชน์แม้จะได้ผลตามสมมติฐานหรือไม่ ให้รายงานไปตามจริง เมื่อเผยแพร่…..สิ่งที่ได้จากกระบวนการทั้งหมด…จะถูกเขียนในรูปแบบของรายงานเชิงวิชาการ (5 บท) หรือบทคัดย่อก็ได้ เพื่อให้ผู้สนใจได้ศึกษาและนำความรู้ของเราไปศึกษาและเป็นแหล่งอ้างอิงต่อไป
9. ความรู้จะไม่มีวันสิ้นสุดตราบที่มีการสร้างสรรค์โครงงานใหม่ๆ จากการต่อยอดความรู้เดิม
10. ขอให้นักเรียนมีความสุขกับการทำโครงงาน โดยมีความอยากรู้อยากเห็นเป็นที่ตั้ง และสืบสวนสอบสวนโดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์และหลักการของเหตุและผลในการทำโครงงาน
11. อย่าลืมจดค่าใช้ง่ายที่ต้องใช้ในการทำโครงงานด้วย เพราะการทำบัญชีนั้นสำคัญมาก
อย่าลืมว่าเราทำโครงงานในกรอบของเศรษฐกิจพอเพียง การลงทุนต้องเกิดความคุ้มค่าในแง่ของความยั่งยืน ใช้เงินอย่างมีความพอประมาณ มีเหตุมีผล และมีภูมิคุ้มกันในตัวเอง และสามารถนำโครงงานที่มีประโยชน์ไปดัดแปลงให้เหมาะสมในการดำรงชีวิตของตนและเป็นแบบอย่างให้แก่คนอื่นได้